ระวัง! ปัญหาไฟตกระหว่างใช้แอร์ เพราะปัญหาไฟตก หรือไฟกระชาก จะทำให้แอร์ของคุณหยุดทำงานอย่างกะทันหัน โดยอาจทำให้แผงวงจรเกิดความเสียหายได้ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ไฟตกจะทำให้แอร์ดับ ตัวเครื่องหยุดการทำงาน หรือมีรอบการหมุนของพัดลมแอร์ช้าลง จนทำให้เกิดปัญหา ไฟตกแอร์ไม่เย็น แล้วแบบนี้จะต้องทำอย่างไร?
ใครที่ไม่อยากเจอกับปัญหาไฟตกบ่อยๆ และอยากให้แอร์มีอายุการใช้งานยาวนาน วันนี้จะมาแนะนำวิธีป้องกันปัญหาไฟตกให้กับคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้งานแอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่ต้องมาคอยกังวลว่าไฟจะตกอีกต่อไป!!
ปัญหาของไฟตกคืออะไร ?
ปัญหาไฟตกเป็นปัญหาที่สามารถเกิดได้กับทุกที่ ซึ่งเกิดจากการที่แรงดันไฟฟ้าถูกปล่อยออกมาไม่คงที่ ทำให้กระแสไฟไม่เพียงพอที่จะใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และไม่สามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นได้ ไม่เพียงเท่านั้นการที่ไฟตกบ่อยๆ ยังส่งผลต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น
- ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ในการทำงาน หากไฟตก หรือไฟกระชากบ่อยๆ อาจทำให้มอเตอร์ภายในไหม้ได้
- ทำให้อายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกกระชากไฟไป มีอายุการใช้งานที่น้อยลงกว่าปกติ และมีผลต่อวงจรภายในเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ
- ทำให้เกิดความเสียหายจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหยุดทำงาน เพราะส่วนใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์ เมื่อถูกกระชากไฟไป จะทำให้ระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าดับลง เป็นผลทำให้ตัวเครื่องได้รับความเสียหาย เช่น อาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าไหม้ได้
- ปัญหาไฟตกไม่ได้เพียงทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหยุดทำงานเท่านั้น แต่อาจทำให้ระบบภายในเกิดความเสียหายได้ และเมื่อระบบเสียหายก็จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ารวน เป็นผลทำให้ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจจะติดๆ ดับๆ อยู่บ่อยครั้งแม้จะไม่เกิดไฟตกแล้วก็ตาม
วิธีการสังเกตว่าไฟตกหรือไม่
- ดูว่าหลอดไฟมีการกะพริบถี่ๆ หรือเปล่า
- สังเกตว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีการทำงานที่ช้าลงหรือไม่
- ไฟฟ้าอาจจะไม่ดับในทันที แต่อาจจะค่อยๆ ดับลงอย่างช้าๆ
หากเกิดเหตุการณ์ไฟตกบ่อยๆ จะส่งผลกระทบกับแผงวงจรของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และยังเป็นอันตรายกับผู้ใช้งานอีกด้วย หากไฟตกตอนเปิดใช้งานแอร์อยู่ เมื่อกระแสไฟไม่เพียงพอต่อการทำงานของแอร์ ก็จะทำให้แอร์ไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้เมื่อไฟตกแอร์จึงไม่เย็น ยิ่งถ้าไฟตกต่ำกว่า 200 โวลต์ (กำลังไฟฟ้าปกติจะอยู่ประมาณ 220 – 240 โวลต์) อาจจะทำให้มอเตอร์ไหม้ได้ อีกทั้งยังจะทำให้คอยล์เย็น และคอยล์ร้อนของคอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้ไฟตก
- ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายเครื่องพร้อมกัน เพราะมีการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายเครื่องพร้อมๆ กัน หรือมีการจ่ายกำลังไฟที่มากเกินไป ซึ่งไม่เพียงพอกับปริมาณของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จนทำให้ไฟถูกกระชากจนเกิดปัญหาไฟตก
- ปัญหาของสายไฟ การที่คุณใช้สายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้น้อย ไม่เพียงพอต่อการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หรืออาจจะเกิดจากกรณีที่สายไฟชำรุด เป็นผลให้ไม่สามารถส่งกำลังไฟได้อย่างเต็มที่
- อยู่ไกลจากสถานีจ่ายไฟ ปัญหานี้มักจะพบตามบ้านต่างจังหวัด หรือพื้นที่ที่อยู่ไกลจากสถานีจ่ายไฟฟ้า เนื่องจากมีการลากสายยาวจนเกินไป ทำให้แรงดันไฟฟ้าไม่พอ และถ้ายิ่งบริเวณนั้นไม่มีหม้อแปลงด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เกิดปัญหาไฟตกได้อย่างแน่นอน
- สถานีไฟฟ้าจ่ายไฟให้น้อย นอกจากจะอยู่ไกลจากสถานีจ่ายไฟแล้ว ถ้าหากสถานีไฟฟ้าจ่ายไฟให้น้อย ก็ยิ่งทำให้แรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอ เป็นผลทำให้ไฟตกได้เช่นเดียวกัน
- การซ่อมบำรุงไฟฟ้า บางครั้งปัญหาไฟตกก็อาจจะเกิดจากการซ่อมแซม หรือทดสอบระบบไฟฟ้า เพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาดในอนาคต เป็นผลให้ไฟที่ส่งมาไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดปัญหาไฟตกในช่วงเวลาสั้นๆ หากซ่อมเสร็จเรียบร้อยไฟก็จะกลับมาเหมือนเดิม
นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ก็อาจเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ในช่วงที่เกิดฝนตก ฟ้าร้องบ่อยๆ การที่สภาพอากาศแปรปรวนจะทำให้การทำงานของกระแสไฟฟ้าไม่คงที่ อย่างที่เรามักจะได้ยินว่าช่วงที่ฝนตกไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ นั่นเอง
ที่มา https://globalhouse.co.th/globalidea/detail/322