Welcome to MNYTECHNIC & SUPPLY.

ที่อยู่ 300/15 หมู่ 7 ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี 20160

Categories
Uncategorized

เลือกอะไหล่อุปกรณ์แอร์: ทำไมถึงมีความสำคัญต่อแอร์ของคุณ?

บทความ

เลือกอะไหล่อุปกรณ์แอร์ : ทำไมถึงมีความสำคัญต่อแอร์ของคุณ?

การเลือกอะไหล่และอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับแอร์ของคุณมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอะไหล่แอร์ที่มีคุณภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์และยืดอายุการใช้งาน ในขณะที่อะไหล่ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้แอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ เสียหายเร็วขึ้น หรืออาจเกิดปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึงความสำคัญของการเลือกอะไหล่แอร์ และทำไมการเลือกอะไหล่ที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญต่อแอร์ของคุณ

1. อะไหล่แอร์และอุปกรณ์มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน

อะไหล่แอร์ที่มีคุณภาพจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยที่ไม่เกิดปัญหาหรือความเสียหายเมื่อใช้งานไปนานๆ เช่น คอมเพรสเซอร์ที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีขึ้น ทำให้แอร์สามารถทำความเย็นได้เร็วและดีขึ้น

ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น มอเตอร์พัดลม หรือเครื่องฟอกอากาศก็ควรเลือกอะไหล่ที่มีคุณภาพ เพื่อไม่ให้การไหลเวียนของอากาศในระบบแอร์ถูกขัดขวาง ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงาน

2. อะไหล่ที่มีคุณภาพช่วยยืดอายุการใช้งาน

การเลือกอะไหล่แอร์ที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น การใช้แผ่นกรองอากาศที่ดีจะช่วยลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก ทำให้ระบบแอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไปและไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป

การเลือกใช้อะไหล่ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดการสึกหรอและปัญหาอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศเสียเร็วขึ้น และต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว

3. การเลือกอะไหล่แอร์ที่เหมาะสมช่วยป้องกันปัญหาการรั่วของน้ำยาแอร์

หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดในการใช้แอร์คือการรั่วของน้ำยาแอร์ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลง และอาจทำให้แอร์ไม่เย็นตามปกติ การเลือกอะไหล่ที่มีคุณภาพในการซ่อมแซมระบบน้ำยาแอร์ เช่น วาล์วหรือท่อเชื่อมที่มีคุณภาพดี จะช่วยป้องกันปัญหาการรั่วของน้ำยาแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเลือกใช้อะไหล่ที่มีมาตรฐานสูงจะช่วยป้องกันการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ และยังช่วยปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องปรับอากาศในระยะยาว

4. ความสำคัญของการเลือกอะไหล่ที่เหมาะสมกับรุ่นและประเภทของแอร์

การเลือกอะไหล่แอร์ที่เหมาะสมกับรุ่นและประเภทของเครื่องแอร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแต่ละรุ่นอาจมีขนาดและลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไป การเลือกอะไหล่ที่ไม่ตรงกับรุ่นอาจทำให้เครื่องแอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรืออาจทำให้เกิดปัญหาที่ตามมาในอนาคต

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออะไหล่แอร์สำหรับรุ่นเฉพาะ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอะไหล่ที่เลือกนั้นเหมาะสมกับรุ่นแอร์ของคุณ โดยสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก MNY TECHNIC&SUPPLY เพื่อช่วยในการเลือกอะไหล่ที่เหมาะสม

5. การเลือกอะไหล่ที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง

การเลือกอะไหล่ที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากผู้ผลิตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าอะไหล่เหล่านั้นมีคุณภาพและปลอดภัยต่อการใช้งาน การเลือกใช้อะไหล่ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดปัญหาหรือความเสี่ยงต่อเครื่องแอร์ในอนาคตได้

การเลือกอะไหล่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสามารถลดโอกาสในการเกิดปัญหาและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานแอร์ของคุณ

6. การเลือกอะไหล่แอร์จากผู้จัดจำหน่ายที่เชื่อถือได้

การซื้ออะไหล่แอร์จากผู้จัดจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอะไหล่ที่ซื้อมาใช้งานมีคุณภาพและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถรับประกันหรือบริการหลังการขายที่ดี

MNY TECHNIC&SUPPLY เป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายอะไหล่แอร์ที่เชื่อถือได้ โดยมีอะไหล่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน พร้อมบริการที่ครบครันสำหรับการซ่อมแซมแอร์และติดตั้งแอร์ใหม่ ให้บริการลูกค้าทั่วไปและลูกค้าธุรกิจ พร้อมคำแนะนำในการเลือกอะไหล่ที่เหมาะสมกับแอร์ของคุณ


สรุป

การเลือกอะไหล่แอร์ที่เหมาะสมกับรุ่นและประเภทของเครื่องแอร์มีความสำคัญอย่างมากในการรักษาประสิทธิภาพการทำงานของแอร์และยืดอายุการใช้งาน การเลือกอะไหล่ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแอร์ในระยะยาว หากคุณต้องการอะไหล่แอร์คุณภาพสูงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ MNY TECHNIC&SUPPLY พร้อมให้บริการท่านเสมอ โดยมีอะไหล่แอร์หลากหลายประเภท และสามารถให้คำปรึกษาในการซ่อมแอร์หรือซื้อแอร์ใหม่เพื่อความสะดวกในการใช้งานของคุณ

Categories
Uncategorized

แอร์แบบติดผนัง vs. แอร์ตั้งพื้น vs. แอร์ฝังฝ้า เลือกแบบไหนดี?

บทความ

แอร์แบบติดผนัง vs. แอร์ตั้งพื้น vs. แอร์ฝังฝ้า เลือกแบบไหนดี?

การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมสำหรับบ้านหรืออาคารเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพการทำงาน และค่าใช้จ่ายในระยะยาว วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจกับแอร์ทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ แอร์แบบติดผนัง (Wall-mounted Air Conditioner), แอร์ตั้งพื้น (Floor-standing Air Conditioner), และแอร์ฝังฝ้า (Ceiling Cassette Air Conditioner) ว่าประเภทไหนเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด

1. แอร์แบบติดผนัง (Wall-mounted Air Conditioner)

คุณสมบัติเด่น

  • เป็นแอร์ที่นิยมใช้มากที่สุดในบ้านพักอาศัย

  • มีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งบนผนังด้านบนของห้อง

  • มีหลายขนาดความสามารถในการทำความเย็น (BTU) ให้เลือกตามขนาดห้อง

  • ราคาถูกกว่าประเภทอื่น ติดตั้งง่าย

  • การบำรุงรักษาและทำความสะอาดสะดวก

เหมาะกับใคร?

  • บ้านพักอาศัย ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องขนาดกลางถึงเล็ก

  • ผู้ที่ต้องการแอร์ที่ติดตั้งง่าย ไม่ต้องมีการเจาะฝ้าหรือดัดแปลงพื้นที่มากนัก

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีเพดานสูงหรือห้องขนาดใหญ่มาก

  • การกระจายลมอาจไม่ทั่วถึง หากห้องมีขนาดใหญ่เกินไป

2. แอร์ตั้งพื้น (Floor-standing Air Conditioner)

คุณสมบัติเด่น

  • เป็นแอร์ที่ติดตั้งกับพื้น สามารถเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่ายกว่าแอร์แบบติดผนัง

  • เหมาะสำหรับห้องที่ไม่มีพื้นที่บนผนังหรือฝ้าเพดานสำหรับติดตั้งแอร์

  • มีความสามารถในการทำความเย็นที่สูง กระจายลมได้ดี

เหมาะกับใคร?

  • ห้องที่มีพื้นที่ติดผนังจำกัด เช่น ห้องที่มีหน้าต่างรอบด้าน

  • ห้องโถง ห้องประชุม หรือห้องที่ต้องการเครื่องปรับอากาศกำลังสูง

  • ร้านค้า ร้านอาหาร หรืออาคารพาณิชย์

ข้อเสีย

  • ใช้พื้นที่ภายในห้องมากกว่าแอร์ประเภทอื่น

  • อาจไม่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุจากการเดินชน

  • ราคาสูงกว่าแอร์ติดผนัง

3. แอร์ฝังฝ้า (Ceiling Cassette Air Conditioner)

คุณสมบัติเด่น

  • ติดตั้งแบบฝังเข้ากับฝ้าเพดาน ทำให้ดูเรียบร้อย สวยงาม ไม่เปลืองพื้นที่ใช้สอย

  • กระจายลมได้รอบทิศทาง 360 องศา ทำให้ความเย็นทั่วถึง

  • เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ หรือห้องที่ต้องการดีไซน์ที่สวยงาม

เหมาะกับใคร?

  • ห้องที่มีพื้นที่ฝ้าเพดานสูง เช่น ออฟฟิศ ห้องประชุม ร้านอาหาร หรือโรงแรม

  • ผู้ที่ต้องการแอร์ที่มีดีไซน์เรียบร้อย ไม่รบกวนพื้นที่ใช้งาน

  • ผู้ที่ต้องการกระจายความเย็นทั่วถึงทั้งห้อง

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าทั้งแอร์ติดผนังและแอร์ตั้งพื้น

  • ติดตั้งยุ่งยาก ต้องมีพื้นที่ฝ้าเพดานเพียงพอและต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้ง

  • การซ่อมบำรุงและทำความสะอาดยุ่งยากกว่าแอร์ประเภทอื่น

ควรเลือกแอร์แบบไหน?

  • สำหรับบ้านพักอาศัยหรือคอนโด: แนะนำให้ใช้ แอร์แบบติดผนัง เพราะประหยัดพื้นที่ ติดตั้งง่าย และราคาถูก

  • สำหรับห้องที่ไม่มีพื้นที่ติดตั้งบนผนัง: เลือก แอร์ตั้งพื้น ซึ่งเหมาะกับร้านค้า หรือห้องที่ต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องปรับอากาศได้

  • สำหรับห้องขนาดใหญ่ ออฟฟิศ หรือร้านอาหาร: แนะนำ แอร์ฝังฝ้า ที่กระจายลมทั่วถึงและดูสวยงาม

วิธีเลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

ขนาดห้อง (ตร.ม.) BTU ที่แนะนำ
9-14 9,000
15-20 12,000
21-24 18,000
25-30 24,000
31-40 30,000
41-50 36,000

หากต้องการแอร์ที่มีคุณภาพ ติดตั้งอย่างมืออาชีพ หรือบริการซ่อมแอร์บ้าน สามารถติดต่อ MNY Technic ที่เว็บไซต์ www.mnytechnic.com ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศ พร้อมให้บริการติดตั้ง ซ่อม และบำรุงรักษาแอร์ทุกประเภท โดยทีมช่างที่มีประสบการณ์ รับรองคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ


สรุป

การเลือกแอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดห้อง พื้นที่ติดตั้ง และงบประมาณของคุณ แอร์แบบติดผนัง เหมาะกับห้องทั่วไป แอร์ตั้งพื้น เหมาะกับห้องที่ไม่มีพื้นที่ติดผนัง และ แอร์ฝังฝ้า เหมาะกับห้องขนาดใหญ่หรือสถานที่ที่ต้องการดีไซน์ที่สวยงาม หากต้องการคำปรึกษาหรือบริการติดตั้งแอร์ สามารถติดต่อ MNY Technic ได้ทันที!

Categories
Uncategorized

เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ แชร์เทคนิคใช้แอร์ให้คุ้มค่า

บทความ

เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ แชร์เทคนิคใช้แอร์ให้คุ้มค่า

ในช่วงฤดูร้อน การเปิดแอร์เพื่อให้ความเย็นเป็นสิ่งที่หลายคนทำเป็นประจำเพื่อความสบาย แต่การใช้แอร์มักทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้น การใช้แอร์อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟจึงเป็นสิ่งที่ทุกบ้านควรใส่ใจในยุคที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูงขึ้น ในบทความนี้เราจะมาแชร์ เทคนิคการเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ พร้อมทั้งเคล็ดลับการใช้แอร์ให้คุ้มค่ามากที่สุด


1. ตั้งอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสม

การตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ เย็นเกินไป จะทำให้แอร์ทำงานหนักและเปลืองไฟมากขึ้น การตั้งอุณหภูมิที่ 23-25 องศาเซลเซียส จะช่วยประหยัดไฟได้ดีและยังให้ความเย็นที่เพียงพอในการใช้งาน การปรับอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่ไม่เย็นเกินไปจะทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

2. ใช้โหมด “ประหยัดไฟ” หรือ “ECO”

แอร์รุ่นใหม่ ๆ มักมาพร้อมกับโหมด ECO หรือ ประหยัดไฟ ซึ่งจะช่วยให้แอร์ทำงานในระดับที่ลดการใช้พลังงานลง โดยการควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม การเปิดแอร์ในโหมดนี้จะช่วยประหยัดพลังงานและลดการใช้ไฟฟ้า

3. ดูแลทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ

การทำความสะอาด แผ่นกรองอากาศ (Filter) ของแอร์เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากแอร์ใช้ไปนาน ๆ เพราะถ้าแผ่นกรองอากาศมีฝุ่นและสกปรก จะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองอากาศ ซึ่งจะทำให้เปลืองไฟ การทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 1-2 เดือนจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

4. ปรับทิศทางการเป่าลมให้เหมาะสม

การปรับทิศทางของ ลมแอร์ ให้ไปในทิศทางที่เหมาะสมจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปรับลมให้พัดออกไปในทิศทางที่ไม่ตรงกับตัวคุณ หรือหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ในห้องที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง การปรับทิศทางการเป่าลมที่ดีจะช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้นและแอร์ไม่ต้องทำงานหนัก

5. ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน

การเปิดแอร์ทิ้งไว้นาน ๆ ในช่วงที่ไม่อยู่บ้านหรือในช่วงที่นอนหลับโดยไม่จำเป็นจะทำให้แอร์ทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพและเพิ่มการใช้พลังงาน ดังนั้นควร ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน หรือหากต้องการนอนหลับ ควรตั้งเวลาให้แอร์ปิดโดยอัตโนมัติหลังจากที่หลับไปสักระยะหนึ่ง

6. ปรับการใช้งานแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง

หากห้องของคุณมีขนาดเล็ก การเลือกแอร์ที่มี ขนาดเหมาะสม จะช่วยลดการใช้ไฟได้อย่างมาก เพราะแอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในห้องเล็กจะทำงานหนักและเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น ควรเลือกแอร์ที่มี BTU เหมาะสมกับขนาดของห้องเพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. ใช้พัดลมช่วยเพิ่มความเย็น

การใช้ พัดลม คู่กับแอร์สามารถช่วยกระจายความเย็นได้ดีขึ้น ทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป การใช้พัดลมช่วยกระจายลมเย็นจะทำให้ความเย็นกระจายทั่วห้องและลดการใช้ไฟของแอร์ได้

8. ควรให้แอร์ทำงานในห้องที่ปิดมิดชิด

การเปิดแอร์ในห้องที่มี การระบายอากาศไม่ดี หรือมีการเปิดประตูและหน้าต่างจะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นเพราะต้องปรับอุณหภูมิใหม่ตลอดเวลา ดังนั้นควรให้แอร์ทำงานในห้องที่ ปิดมิดชิด เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ


9. เลือกแอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

การเลือก แอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง หรือที่มี มาตรฐานการประหยัดพลังงาน จะช่วยให้คุณประหยัดไฟได้มากขึ้น แอร์ที่มี ฉลากประหยัดพลังงาน จะช่วยลดการใช้พลังงานและลดค่าไฟได้ในระยะยาว


10. ตรวจสอบการรั่วซึมของท่อน้ำและช่องระบายอากาศ

การตรวจสอบระบบ ท่อน้ำ และ ช่องระบายอากาศ ที่เชื่อมต่อกับแอร์จะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มที่ หากมีการรั่วซึมหรือการระบายอากาศไม่ดี จะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นและเพิ่มการใช้พลังงาน


สรุป

การเปิดแอร์อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม การดูแลทำความสะอาดแอร์ การเลือกแอร์ที่มีประสิทธิภาพ และการปรับการใช้งานแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง ก็จะช่วยให้คุณประหยัดไฟได้อย่างมาก นอกจากนี้การใช้พัดลมช่วยและการตั้งเวลาปิดแอร์ก็สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้เช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจ แอร์บ้าน ที่มีคุณภาพและช่วยประหยัดพลังงาน สามารถ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเลือกแอร์ที่เหมาะสมกับคุณได้ที่นี่

 

Categories
Uncategorized

แอร์อินเวอร์เตอร์ กับ แอร์ธรรมดา แบบไหนคุ้มค่าและดีกว่ากัน?

บทความ

แอร์อินเวอร์เตอร์ กับ แอร์ธรรมดา แบบไหนคุ้มค่าและดีกว่ากัน?

การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ (แอร์) เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีราคาสูงและมีผลต่อค่าไฟฟ้าในระยะยาว ปัจจุบันมีแอร์ให้เลือก 2 ประเภทหลัก ๆ คือ แอร์อินเวอร์เตอร์ และ แอร์ธรรมดา (Non-Inverter) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียต่างกัน มาดูกันว่าแบบไหนคุ้มค่าและเหมาะกับคุณมากกว่ากัน


💡 แอร์อินเวอร์เตอร์ คืออะไร?

แอร์อินเวอร์เตอร์เป็นเครื่องปรับอากาศที่ใช้เทคโนโลยี Inverter ในการควบคุมรอบของคอมเพรสเซอร์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และช่วยให้ห้องเย็นคงที่มากขึ้น

ข้อดีของแอร์อินเวอร์เตอร์

ประหยัดไฟมากกว่า – เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องเปิด-ปิดบ่อย ๆ แต่จะปรับรอบให้เหมาะสมกับอุณหภูมิที่ตั้งไว้
เย็นเร็วและสม่ำเสมอ – อุณหภูมิไม่แกว่ง ทำให้รู้สึกสบายตลอดเวลา
เสียงเงียบกว่า – ไม่มีเสียงคอมเพรสเซอร์กระชากไฟเหมือนแอร์ธรรมดา
อายุการใช้งานยาวนานกว่า – การทำงานของคอมเพรสเซอร์มีความราบรื่น ลดการสึกหรอ

ข้อเสียของแอร์อินเวอร์เตอร์

ราคาสูงกว่าแอร์ธรรมดา – ค่าเครื่องเริ่มต้นแพงกว่า
ค่าซ่อมแพงกว่า – อะไหล่และค่าซ่อมบำรุงสูงกว่าหากเกิดปัญหา
ต้องใช้งานต่อเนื่องถึงจะคุ้มค่า – หากเปิดแอร์เพียงระยะเวลาสั้น ๆ อาจไม่ได้ช่วยประหยัดไฟมากนัก


แอร์ธรรมดา (Non-Inverter) คืออะไร?

แอร์ธรรมดาเป็นเครื่องปรับอากาศที่ทำงานแบบ On-Off System คอมเพรสเซอร์จะเปิดทำงานจนถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แล้วจะตัดการทำงาน เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นก็จะเปิดทำงานใหม่ ทำให้เกิดการกระชากไฟเป็นระยะ

ข้อดีของแอร์ธรรมดา

ราคาถูกกว่า – ค่าซื้อเครื่องถูกกว่าแอร์อินเวอร์เตอร์
ค่าซ่อมบำรุงต่ำกว่า – อะไหล่หาง่ายและซ่อมง่ายกว่า
เหมาะกับการใช้งานระยะสั้น – เหมาะกับห้องที่ไม่ได้เปิดแอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ข้อเสียของแอร์ธรรมดา

กินไฟมากกว่า – การเปิด-ปิดคอมเพรสเซอร์บ่อย ๆ ทำให้ใช้พลังงานมากขึ้น
อุณหภูมิไม่คงที่ – มีความรู้สึกหนาวเป็นช่วง ๆ แล้วร้อนเป็นช่วง ๆ
เสียงดังและสึกหรอเร็วกว่า – คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้น


🔎 แอร์อินเวอร์เตอร์ VS แอร์ธรรมดา แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน?
คุณสมบัติแอร์อินเวอร์เตอร์แอร์ธรรมดา
ราคาเครื่องสูงกว่าถูกกว่า
การประหยัดไฟประหยัดไฟกว่ากินไฟมากกว่า
ความเร็วในการทำความเย็นเย็นเร็วและคงที่เย็นเร็ว แต่ไม่คงที่
เสียงขณะทำงานเงียบดังกว่า
ค่าซ่อมบำรุงสูงกว่าต่ำกว่า
อายุการใช้งานยาวนานกว่าสั้นกว่า

สรุปการเลือกซื้อ

  • หากต้องการ ประหยัดค่าไฟในระยะยาว และเปิดใช้งานแอร์บ่อยหรือเป็นเวลานาน แอร์อินเวอร์เตอร์คุ้มค่ากว่า
  • หากใช้งานไม่บ่อย เปิดเป็นครั้งคราว และต้องการประหยัดค่าเครื่อง แอร์ธรรมดาอาจตอบโจทย์มากกว่า

📌 แนะนำร้านแอร์ ราคาดี บริการครบวงจร

หากคุณกำลังมองหา แอร์บ้านคุณภาพดี ทั้งแอร์อินเวอร์เตอร์และแอร์ธรรมดา รวมถึงบริการ ติดตั้ง ซ่อม และล้างแอร์ แนะนำที่
👉 www.mnytechnic.com
💯 บริการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำตรงจุด พร้อมรับประกันงานติดตั้ง

📞 สนใจสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ www.mnytechnic.com